top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนThaiMKV

5 หนังหลอนชั้นดี ดูต้อนรับ ฮาโลวีน

อัปเดตเมื่อ 25 ต.ค. 2561

หนังสยองขวัญส่ันประสาทมีมากมายมหาศาล แต่เรื่องที่ขึ้นหิ้งชั้นดีนั้นเราคัดเน้นๆมาให้ท่านที่ต้องการความหลอนหรือใครที่เคยดูแต่อยากทบทวนประสบการณ์อีกทีก็ไม่ว่ากัน 5 เรื่องเด่นที่เราแนะนำ แน่นอนมันย่อมไม่ธรรมดา


1. The Conjuring (2013) & The Conjuring 2 (2016)

‘The Conjuring’ เป็นหนังที่เริ่มต้นเรื่องด้วยการบอกว่า “นี่คือเรื่องจริง” เมื่อเขาพาเราไปรู้จักกับบุคคลคู่หนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การปราบผีในยุคสมัยนั้น Lorraine Warren (Vera Farmiga) และ Ed Warren (Patrick Wilson) สองสามีภรรยาที่ออกมาบรรยายพร้อมฉายคลิปของแต่ละเคสที่พวกเขาไปเจอมา สิ่งเหล่านี้ น่าจะทำให้คนดูเชื่ออย่างสนิทใจว่ามันคือเรื่องจริง เพื่อจะได้อินและมีอารมณ์มากขึ้นในช่วงเวลาถัดๆ มาของหนัง

มันอาจจะไม่ใช่พล็อตที่แปลกใหม่อะไรนัก สำหรับเรื่องราวของครอบครัวที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีผีร้ายหลอกหลอน แต่หนังก็ทำออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง เขาค่อยๆ เพิ่มความน่ากลัวของความหลอนทีละขั้น โดยไม่เล่นกับมุขเดิมซ้ำไปซ้ำมา แต่เลือกที่จะเล่นให้มันต่างกันไปเรื่อยๆ สลับกับมุขตุ้งแช่ที่มาไม่บ่อยนัก ซึ่งกลับได้ผลชะงัด เอาเป็นว่า หนังดูสนุก หลอน รวมทั้งงานภาพและเสียงที่เข้าขั้นเทพทั้ง ภาค1 และ ภาค2


ทั้งนี้ นอกจากตัวผู้กำกับ James Wan แล้ว คงต้องยกความดีความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับงาน production design หรือการดีไซน์บ้านผีสิงของ Julie Berghoff และเทคนิค cinematography ของ Don Burgess เขาด้วยแหละ งานดี ไร้ที่ติจริง ๆ


ระดับความหลอน : 9/10

 

2. IT (2017)

IT (2017) นี่เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดที่สร้างจากหนังสือของ Stephen King โดยหนังได้เก็บรายละเอียดและถ่ายทอดแก่นหรือหัวใจสำคัญของหนังสือได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เหมือนหนังอื่นๆที่สร้างจากนิยายของ Stephen King หลาย ๆ เรื่องที่มัวแต่จะขายแต่ความ thriller หรือ horror โดยทิ้ง messages สำคัญ ๆ ของต้นฉบับไปแทบสิ้น แถมความ thriller หรือ horror ก็ดันทำได้ไม่สุดอีก

สำหรับหนังเรื่องนี้ นอกจากจะรักษาแก่นสำคัญของเรื่องได้อย่างครบถ้วนแล้ว หนังยังสร้างบรรยากาศความหลอนอย่างมีรสนิยม ไม่เหมือนหนังผีหรือหนังสยองขวัญทั่วไปที่เน้นใส่ซาวนด์หนัก ๆ แบบตุ้งแช่ ๆ น่ารำคาญ สิ่งที่เราชอบใน IT (2017) อย่างหนึ่งก็คืองานถ่ายภาพ โปรดักชันดีไซน์ และการจัดแสง ซึ่งสวยงามและบิลด์อารมณ์คนดูได้อย่างดี


ตัวตลกในเรื่องจะตามหลอกหลอนและจ้องจะจับเด็กที่มีความกลัว โดยการปรากฏกายแต่ละครั้งก็จะขึ้นอยู่กับความกลัวเฉพาะของเด็กคนนั้น ๆ

เด็ก ๆ ที่อยู่ในแก๊งเด็กขี้แพ้ที่ผ่านการแคสต์มาอย่างดีมากคือส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสนุกขึ้น ตลก และมีสีสัน อย่างที่บอก ด้วย personality และความกลัวที่แตกต่างกัน พอมาอยู่ด้วยกัน มันเลยเคมีเข้ากัน

และยิ่งเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน (ตามคติ รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย) เราไม่รู้สึกว่าพวกเขาคือ losers เลยแม้แต่น้อย มันทำให้เราสัมผัสได้ถึงพลังแห่งมิตรภาพและความสามัคคี ที่จะช่วยให้พวกเขาชนะศัตรู ก้าวข้ามผ่านปัญหาและความกลัวไปได้ โดยที่เราไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดเรื่องสามัคคีคือพลังเหมือนหนังรวมกระบวนการพาวเวอร์เรนเจอร์สแต่อย่างใด


ช่วงที่เด็กต่อสู้กับปิศาจตัวตลกก็ทำได้มันส์ดีที่สุดเท่าที่เด็ก ๆ ม.ต้น กลุ่มหนึ่งจะสู้ให้คนดูดูแล้วสนุกด้วยได้ แต่เวลาเราดู เราต้องไม่คิดว่า เด็กกำลังกับผู้ร้ายหรือโจรเรียกค่าไถ่ อะไรประมาณนั้นนะ เราต้องคิดว่า เด็กกำลังต่อสู้กับความกลัวในจิตใจของตัวเองอยู่ ซึ่งมันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ง่ายเลย นึกภาพเราเป็นเด็กพวกนั้น เราก็ไม่รู้ว่าตัวเราเองจะกล้าพอมั้ยที่จะเผชิญหน้าต่อสู้กับสิ่งที่เราหวาดกลัวที่สุด


ระดับความหลอน : 8/10

 

3. The Orphanage (2007)

The Orphanage คือหนังสยองขวัญแบบเก่าที่ไร้ความโฉ่งฉ่างจากภาพและเสียง แต่เลือกสร้างบรรยากาศวังเวงหวั่นหวาดด้วยองค์ประกอบภาพและการออกแบบงานสร้างให้ดูขรึมขลังหนักแน่น การตัดต่อแบบค่อยเป็นค่อยไป และเรื่องราวที่ค่อยๆ คืบหน้า ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นสไตล์ถนัดของคนทำหนังจากยุโรปอยู่แล้ว


ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจถ้าหากดูหนังเรื่องนี้แล้วจะนึกถึง The Others หนังปี 2001 ที่ นิโคล คิดแมน นำแสดง เพราะนอกจากจะมีตัวละครหลักเป็นผู้หญิงและใช้ฉากบ้านหลังใหญ่แล้ว ยังเป็นหนังสัญชาติสเปน และมีผู้กำกับฯคือ อเลคานโดร อเมเนบาร์ ซึ่งเป็นคนสเปนเหมือนกัน

นอกจากเนื้อหาที่เข้มข้นน่าสนใจแล้ว ตัวหนังยังมีปริศนาและสัญญาลักษณ์ให้เราได้ตีความมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนาฬิกา เวลา กระจกและมิติของคนตาย (จะเป็นยังไงคงต้องไปสังเกตในหนังดูครับ) แถมการดำเนินเรื่องถึงจะดูออกแนวเรื่อยๆ แต่ทว่ามันเป็นการดำเนินเรื่องแบบเหตุการณ์ซ้อนทับด้วยอีกเหตุการณ์ การตามหาตัวลูกชายของลอร่านั้น กลับพาเธอเข้าไปล่วงรู้ความลับของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ และคลี่คลายปมปริศนาของอีกหนึ่งเรื่องราวได้ เป็นอะไรที่มันเกินคาดแต่ลงตัวแบบสุดๆไปเลย

The Orphanage มีหลายอย่างเหมือนกับหนังในจินตนาการที่ไม่ค่อยได้ชมในทุกวันนี้ ความน่ากลัวเกิดจากองค์ประกอบในชีวิตประจำวันที่ค่อยๆ แย่ลงจนกระทั่งพวกเขาเปิดประตูต้อนรับความบ้าคลั่ง ความสยองขวัญในเรื่องนี้ไม่ได้มาจากภายนอก หรือมาจากจิตใจวิปริตของผู้ป่วยโรคจิต หรือมาจากผลการที่ตัวละครเอกเข้าไปยังดินแดนต้องห้าม แต่ความสยองเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ในใจของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แล้วมันก็เติบโตขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดจนทำลายพวกเขาอย่างย่อยยับ

ระดับความหลอน : 8/10

 

4. Martyrs (2008)

หนังโหดจากประเทศฝรั่งเศสเรื่องนี้ทำเอาผมอึดอัดจริงๆครับ Martyrs เปิดเรื่องมาก็พบเด็กสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างสุดชีวิต สภาพของเธอย่ำแย่มากตามตัวมีแต่รอยช้ำบาดแผลเต็มไปหมด ตำรวจพบเธอแล้วได้ช่วยเหลือเธอไว้แต่พวกตำรวจไม่สามารถจับตัวใครได้ ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมเธอถึงโดนจับตัวไปแล้วทำไมเธอถึงมีสภาพเช่นนี้ พวกเขาส่งเธอไปสถานบำบัด จิตใจที่เครียดแค้นความทุกข์ต่างๆที่เธอได้รับมา อดีตที่ขมขืนที่ตามหลอกหลอนเธอมันถูกเก็บสะสมไว้และอีก 15 ปีต่อมา ความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของเธอก็ถึงวันชำระแค้น ! หนังที่ไม่ได้มีดีแค่ความโหดความสยอง ทั้งอึดอัดทั้งหดหู่กับตอนจบของหนังที่แสนจะเจ็บปวด หนังเรื่องนี้จะบีบเค้นอารมณ์ของคุณออกมาจนถึงขีดสุด !

หากคุณคิดว่านี้เป็นหนังโหดล้างแค้นสะใจแล้วละก็คุณคิดผิดแน่นอน มันมีหลายอารมณ์หลายมิติมากกว่านั้น หนังมีอะไรหลายๆที่น่าสงสัยเรียกว่าเดาไม่ออกเลยว่าจะไปทางไหนจบยังไง ทำให้เราติดตามได้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

ครึ่งแรกของหนังเป็นการล้างแค้นของตัวเอกครับที่โหดและทำร้ายจิตใจอยู่พอสมควร ครึ่งหลังเป็นการทรมานด้วยวิธีการต่างๆที่ทำคนดูอึดอัด กระอักกระอวน หายใจไม่ทั่วท้อง ผมดูตอนกินข้าวไปด้วย อุบ๊ะ ! ข้าวคำเดียวเคี้ยวนานจริง (มันกลืนไม่ลง)


เป็นหนังที่ดูจบแล้วนิ่งไปเหมือนกันครับรู้สึกว่าอะไรจะขนาดนั้น การกระทำที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีความเมตตา ไม่มีกระทั่งสาเหตุ ตั้งแต่ฉากแรกไปจนใกล้จะจบทุกๆอย่างมาเฉลยหมดในตอนสุดท้ายของหนัง จุดนี้ละครับที่ทำให้ผมอึ้งไปเลย หากคุณคิดจะดูเรื่องนี้ผมแนะนำว่าต้องเตรียมใจสักนิดครับ พูดถึงความน่าดูของหนังก็เยี่ยมไม่ควรพลาดเลยล่ะ


ระดับความหลอน : 10/10

 

5. High Tension (2003)

หนังเฉือดสยองขวัญสุดโหดจากประเทศฝรั่งเศส Haute Tension ภาพยนต์สุดโหดระทึกขวัญที่ดีที่สุดในรอบปี 2003 ทำปรากฏการณ์เป็นหนังโหดที่ฉายโรงแล้วมีคนไม่สามารถทนดูให้จบได้เป็นจำนวนมากซ้ำยังมีฉากหลายฉากที่ทั้งโหดทั้งช๊อคคนดู

หนังว่าถึงมารีและอเล็กซ์สองเพื่อนรักที่เดินทางไปพักผ่อนที่แถบชานเมืองอันสงบสุขของฝรั่งเศสซึ่งที่นั่นเป็นบ้านของครอบครัวอเล็กซ์นั่นเอง ขณะที่ทุกคนนอนหลับอย่างสบายจู่ๆก็มีรถของชายแปลกหน้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทันทีมันก้าวเข้ามาในบ้านทุกอย่างกลายเป็นสีเลือด มันฆ่า มันเฉือด มันสับ ทุกๆคนที่มันเห็นทุกๆคนในครอบครัวของอเล็กซ์ ไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวเล็กๆและมันยังจับอเล็กซ์ใส่ท้ายรถไปด้วย มารีที่แอบหลบซ่อนอยู่จึงหาทางขอความช่วยเหลือพร้อมทั้งขับรถตามไอ้ฆาตกรชั่วไปด้วยเพื่อหวังว่าจะมีโอกาสช่วยชีวิตอเล็กซ์ก่อนที่มันจะฆ่าเพื่อนของเธอ

ภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Texas Chainsaw Massacre หนังเฉือดคลาสสิครุ่นพี่ ซึ่งเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีสุดๆ ว่ากันว่า ณ ตอนนั้นถูกยกให้เป็นหนังเฉือดสุดโหดที่สุดของประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว พูดถึงเพลงประกอบในเรื่องตอนนี้เป็นเพลงที่แฟนหนังสยองถามหากันมากที่สุด เพลงที่เปิดในรถในตอนต้นเรื่องเพลงนี้ชื่อเพลง sara perche ti amo ฟังแล้วติดหูกันเป็นแถว


ถ้าคุณบอกตัวเองว่าเป็นแฟนสยองขวัญแต่คุณยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ คุณก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าคุณคือแฟนหนังสยองขวัญตัวจริง เพราะนี่ไม่ใช่หนังเฉือดธรรมดาแต่มันแฝงไปด้วยความกดดันระทึกขวัญแถมยังมีจุดหักมุมที่ยากจะลืม เมื่อเวลาผ่านไปหนังสยองขวัญเรื่องนี้จะคงเป็นความคลาสสิคเหมือนหนังสยองขวัญรุ่นพี่เรื่องก่อนๆอย่างแน่นอน เป็นหนังสยองขวัญสุดโหดที่ไม่ดูไม่ได้เลย (กลัวก็ปิดตาเอา  - -'')

ระดับความหลอน : 10/10

 

ดู 557 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page